แค่กรองฝุ่น PM 2.5 ได้จะพอหรือเปล่า? เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนดีให้เหมาะกับบ้านคุณ

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะขาดไม่ได้เลยในยุคนี้ นั่นก็คือเครื่องฟอกอากาศ เพราะปัญหา PM 2.5 ฝุ่นพิษจิ๋วขนาดเล็กที่เป็นศัตรูตัวร้ายอยู่รอบๆตัวเรา รวมไปถึงความจำเป็นของเครื่องฟอกอากาศหลายอย่าง ใครกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศแต่ยังไม่รู้จะเริ่มเลือกซื้อยังไง วันนี้เรามีแนวทางการเลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะกับคุณแบบง่ายๆมาฝาก

มาทำความรู้จักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศกันก่อน หลักการของเครื่องทำงานคล้ายกับพัดลม โดยดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่อง เพื่อให้อากาศผ่านระบบกรองอากาศ และปล่อยอากาศที่สะอาดออกมาด้านนอก โดยที่นิยมใช้กันคือเครื่องฟอกอากาศที่กรองอากาศด้วยแผ่นกรอง

วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศ

1. เลือกจากความละเอียดของฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรอง

หัวใจหลักของเครื่องฟอกอากาศคือแผ่นกรอง มาตรฐานของแผ่นกรองแบ่งออกได้ 3 ประเภท
- EPA มีความละเอียดในการกรอง 3 ระดับ คือ E 10, E 11 และ E 12
มีความละเอียดในการจับฝุ่นราว 85 - 99.5%
- HEPA มีความละเอียดในการกรอง 2 ระดับ คือ H 13 และ H 14
มีความละเอียดในการจับฝุ่นราว 99.95 - 99.9995%
- ULPA มีความละเอียดในการจับฝุ่นราว 99.9995 - 99.999995%

แผ่นกรองที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ HEPA เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูง คุณภาพดี หาซื้อได้ง่าย ทั้งยังดักจับเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และเกสรดอกไม้ สาเหตุของอาการภูมิแพ้ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ไม่ให้เล็ดลอดผ่านแผ่นกรอง HEPA ได้

2. เลือกจากขนาดห้อง

คุณจำเป็นต้องรู้ขนาดห้องก่อนที่จะซื้อเครื่องฟอกอากาศ ควรเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่รองรับขนาดพื้นที่ได้มากกว่าพื้นที่ห้องของเรา เช่นถ้าห้องมีขนาด 30 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่รองรับพื้นที่ 35-40 ตารางเมตร ขึ้นไป จะช่วยให้การทำงานของเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และใช้เลือกตามค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) หรืออัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศ ค่านี้จะบอกปริมาณอากาศที่ฟอก

ถ้านำเครื่องฟอกอากาศไปใช้ในบ้านที่มีการแบ่งสัดส่วนชัดเจน ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก และวางหลายๆจุด แต่ถ้าหากเป็นคอนโดมิเนียมแค่เครื่องเดียวก็เพียงพอ โดยเลือกวางไว้ในห้องที่มีพื้นที่มากที่สุด

3. เลือกจากอะไหล่ และการบำรุงรักษา

จะลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศทั้งทีจะดูแค่ราคาที่ซื้อไม่ได้ เพราะนอกจากระบบการทำงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรวางแผนไว้ล่างหน้าคืออะไหล่ เพราะถ้าเกิดเครื่องฟอกอากาศมีปัญหาขึ้น คุณจะสามารถหาซื้ออะไหล่ได้อย่างไร? โดยเฉพาะแผ่นกรองต่างๆ ที่ต้องคำนวณราคาและความถี่ในการเปลี่ยน เพราะแผ่นกรองเป็นสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแน่นอน ดังนั้นควรคิดเผื่อเรื่องนี้ไว้ด้วย

4. เลือกจากฟังก์ชันเสริมที่เกี่ยวข้องกับระบบฟอกอากาศ

ถึงจะได้ชื่อว่า เครื่องฟอกอากาศ แต่แค่กรองอากาศอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอในยุคนี้ ซื้อทั้งทีต้องมีดีกว่านั้น เทคโนโลยีต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึง เพื่อสุขภาพและความสะดวกสบายที่ยิ่งกว่าของทุกคนในครอบครัว

นอกจากกรองฝุ่น PM 2.5 อาจจะเป็นเรื่องพื้นฐานไปแล้ว จะให้ดีขึ้นต้องกรองฝุ่นที่เล็กกว่า PM 2.5 ได้ด้วย ช่วยจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ มีระดับความดังที่ไม่รบกวนกิจกรรมต่างๆ ของคุณ สามารถการสั่งงานด้วยเสียง หรือสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ อย่าง เครื่องฟอกอากาศ ของซัมซุง ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ด้วยแผ่นกรอง Pre-filter ที่สามารถถอดล้างได้ พร้อม Activated Carbon ช่วยดูดซับก๊าซอันตรายต่างๆ* และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้** และกรองฝุ่นได้ถึง PM 0.3 ได้มากถึง 99.9%*** ให้คุณสูดอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านได้อย่างเต็มปอด

* ทดสอบก๊าซโทลูอีน, ไซลีน, เบนซีน, เอทิลเบนซีน, สไตรีน และฟอร์มัลดีไฮด์กับรุ่น AX80K7580WFD ในสถาบัน National Test Institute of Korea
** สารไส้กรองมีประสิทธิภาพการดักจับฝุ่นสูงกว่า 99.97% โดยอิงขนาดอนุภาค 0.26㎛ ตามที่ระบุไว้ใน 42 CFR ส่วนที่ 84 ทำการทดสอบโดยสถาบัน National Test Institute of Korea
*** ทดสอบกับสารไส้กรองของไส้กรองดักจับฝุ่นในสถาบัน National Test Institute of Korea

นอกจากเรื่องฟังก์ชันแล้ว เรื่องดีไซน์ก็อย่าลืม ถึงจะไม่มีผลโดยต่อต่อการใช้งาน แต่ดีไซน์ที่ดีมีผลต่อใจ จะเอาไปวางไว้ที่ไหนของบ้านก็โชว์ได้ไม่อายใคร คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศซัมซุงพร้อมจัดส่งฟรี! และสามารถผ่อนเครื่องฟอกอากาศ 0% ได้นานถึง 15 เดือนได้ง่ายๆ เพียงคลิกที่ด้านล่างเพื่อดูเครื่องฟอกอากาศรุ่นต่างๆ

อ่านเรื่องราวเหล่านี้ในครั้งต่อไป