Step 1 - เช็คพื้นที่

พื้นที่ในบ้านหรือห้องครัว

อันดับแรกสุดที่คุณควรพิจารณาคือพื้นที่ว่างในบ้านหรือห้องครัวของคุณ หรือพื้นที่ที่คุณต้องการจะนำตู้เย็น Bespoke ไปวาง โดยวัดจากความกว้าง ความสูง ความลึก และอย่าลืมเผื่อพื้นที่ด้านหลังเล็กน้อยเพื่อการระบายอากาศ รวมถึงพื้นที่ด้านข้าง ในกรณีที่ติดตั้ง Bespoke ตั้งแต่ 2-3 เครื่องต่อกัน

นอกจากพื้นที่แล้ว ควรคำนึงรูปแบบการวางตู้เย็นด้วย
1. วางตู้เย็น Bespoke เป็นลักษณะการวางแบบลอยตัว (Freestanding) เคลื่อนย้ายได้สะดวก สามารถเปลี่ยนตำแหน่งหรือเปลี่ยนรุ่นได้ในภายหลัง

2. วางตู้เย็น Bespoke ในพื้นที่บิวท์-อิน (Built-in) เพื่อให้ตู้เย็นกลมกลืนไปกับเฟอร์นิเจอร์หรือผนัง คุณจำเป็นที่จะต้องเลือกรุ่นตู้เย็น
และเช็คขนาดของพื้นที่ที่จะวาง กับขนาดของตู้เย็นที่ได้ไปใช้ในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ และอย่าลืมเช็คพื้นที่สำหรับการติดตั้งปลั๊ก อุปกรณ์ต่าง ๆ

อาทิเช่น
- ตู้เย็น Bespoke 1 และ 2 ประตู มีความสูง 1,853 มม. ความกว้าง 595 มม.
- ถ้าต้องการติดตั้ง แบบ Modular (2 เครื่องติดกัน) ต้องการความกว้างที่ 1197 มม. (ความกว้างตู้เย็น 2 เครื่อง + ระยะห่างระหว่างตู้ 7 มม.)
- ตู้เย็น Bespoke จะต้องเว้นที่ไว้ให้สำหรับวงสวิงในการเปิดประตูตู้เย็นด้วยด้านละ 2 มม. (เปิดได้กว้างสูงสุด 90 องศา เพื่อป้องกันการชน counter ในห้องครัว

Step 2 – ขนาดตู้เย็นกับจำนวนสมาชิกในบ้าน

ข้อสำคัญในการเลือกตู้เย็นคือปริมาณความจุที่ต้องการใช้งาน โดยเริ่มจากจำนวนสมาชิกภายในบ้าน จะต้องสัมพันธ์กับความจุ หรือขนาดของตู้เย็น หากตู้เย็นมีขนาดเล็กแต่มีของที่ต้องการแช่ปริมาณมากก็อาจจะทำให้กินไฟมากขึ้น

เพราะฉะนั้นการเลือกตู้เย็นให้เหมาะสมกับความต้องการในการใช้งาน จำนวนสมาชิกภายในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณา

ตู้เย็น Bespoke ช่วยให้คุณปรับแต่งตู้เย็นของคุณได้ตามต้องการ และสามารถสลับให้เลือกเปิดตู้เย็นได้ทั้งซ้าย หรือขวา รวมถึงเปลี่ยนสีให้เข้ากับไลฟสไตล์ หรือเพิ่มสีสันให้กับห้องครัวของคุณ

Step 3 - เช็ค สีที่คุณชื่นชอบ หรือสีเสริมดวง
ให้ลงตัวทุกไลฟ์สไตล์ (Feng Shui)

เลือกตู้เย็น BESPOKE ที่ตอบโจทย์เรื่องสีตามหลักฮวงจุ้ย พร้อมฟังก์ชั่นปรับเปลี่ยนลงตัวกับทุกห้อง
แนะนำให้เลือกสีตามวันเกิด เสริมสิริมงคล ถูกโฉลกผู้อยู่อาศัยด้วย

แนะนำฟีเจอร์เพิ่มเติม

บทความที่เกี่ยวข้อง